หลวงพ่อโอภาสี เดิมชื่อ ชวน มะลิพันธ์ ถือกำเนิดที่ บ้านตรอกไฟฟ้า อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เล่าเรียนอักขระสมัยในสำนักวัดใต้ นครศรีธรรมราช แต่เนื่องจากวัดใต้ไม่มีสำนักเรียนในในสำนักวัดโพธิ์ สามเณรชวนจึงได้ถือกำเนิด ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์นี้เอง ในสำนักเรียนพระปริยัติในวัดโพธิ์สามเณรชวนเล่าเรียนปริยัติด้วยความขยันขัน แข็ง และฉลาดเฉลียวเป็นที่พอใจของเจ้าสำนักบาลีเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับออกปากว่าสิ้นประโยคนักธรรมในวัดแล้วจะส่งมาเรียนในกรุงเทพฯ ให้ถึงที่สุด สามเณรชวนได้รับการนำมาถวายตัวเป็นศิษย์ในองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรฌานวงศ์ซึ่งได้รับไว้ในพระอุปการะ และทรงทำการอุปสมบทให้เป็นภิกษุในพัทธสีมาวัดบวรโดยทรงนั่งเป็นพระอุปัชฌาย์ พระภิกษุชวนเล่าเรียนพระปริยัติจนสอบได้เปรียญ 7 ประโยค เข้ารับพระราชทานพัดจากพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรียกกันติดปากคนทั่วไปว่า มหาชวนเปรียญเอกหลังจากได้พบกับหลวงพ่อกบแล้ว พระมหาชวนก็เก็บตัวนั่งวิปัสสนาตลอดวัน ออกบิณฑบาต และฉันเช้าเพียงครั้งเดียว จะเปิดกุฏิก็ตอนบ่าย เปิดมาก็เอาสิ่งของต่างๆ มาเผา ตอนแรกก็น้อยๆ ก่อน คนจีนแถวบางลำพูเห็นเข้าก็เรียกท่านว่า เซียน จึงพากันมาถวายของให้เผาเป็นการใหญ่
วัดหลวงพ่อโอภาสีตั้งวัดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2536 โดยเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2485 พื้นที่ย่านบางมดแห่งนี้เต็มไปด้วยสวนส้ม หลวงพ่อโอภาสีได้เดินธุดงค์มาปักกลด ด้วยปฏิปทาอันน่าศรัทธาเลื่อมใส ชาวบ้านจึงพากันไปกราบไหว้เป็นประจำ จนเศรษฐีเจ้าของที่ดินได้ยกที่ดินให้สร้างเป็น อาศรมบางมด และได้นิมนต์ให้ท่านอยู่เป็นการถาวร ต่อมาเปลี่ยนมาเป็นชื่อ “วัดหลวงพ่อโอภาสี” ตามนามของหลวงพ่อโอภาสี (พระมหาชวน มลิพันธ์) ซึ่งท่านเป็นพระอาจารย์รูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงในด้านอิทธิอภินิหาร เชื่อกันว่าท่านเป็นพระที่สามารถรู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าและทำนายทายทักได้ถูกต้อง ท่านยังถือลัทธิบูชาเพลิง มีคหบดี เจ้าสัวจากย่านเยาวราช สำเพ็ง บางลำพู ฯลฯ แม้แต่เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เช่น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ได้ไปกราบไหว้ท่าน พร้อมทั้งร่วมทำบุญสร้างวัดกับท่านเป็นประจำ
งานกิจกรรมของทางที่จัดขึ้น ตามเทศกาลทางพุทธศาสนาและ งานประจำปีของทางวัดหลวงพ่อโอภาสี ข่าวที่ต่างๆ ของทางวัดหลวงพ่อโอภาสีที่จัดโครงการต่างๆ เช่นบริจากของให้กับผู้ป่วยติดเตียง คนยากไร้